หลายคนอาจสงสัยกับการดื่มน้ำสกัดแยกกาก น้ำปั่นรวมกาก หรือ กินสดๆ แบบไหนดีกว่ากันใช่ไหมค่ะ ??
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจตั้งแต่ ทำไมถึงต้องกินผักผลไม้กันก่อนเลย ได้ยินกันมาตั้งแต่เด็กๆว่าการกินผักผลไม้นั้นดีต่อร่างกาย ทำให้แข็งแรง ซึ่งถ้าเด็กๆที่ไม่ชอบกินผักผลไม้ก็จะถูกบังคับให้กินผัก เนื่องจากมนุษย์โดยธรรมชาติไม่ใช่สัตว์กินพืชเป็นหลักทำให้ร่างกายไม่สามารถย่อยอาหารบางชนิดได้ดี ดังนั้นการกินผักผลไม้ เส้นใยเซลลูโลสจากพืช ช่วยทำความสะอาดผนังลำไส้ คล้ายๆเป็นการกวาดสารพิษตกค้างข้างในร่างกายออกมาในทางอุจจาระ ที่ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ และในผักผลไม้ยังมี เอนไซม์ สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน สารอาหารอื่นๆที่จำเป็นต่อร่างกาย รู้อย่างนี้แล้วต้องทานผักผลไม้เป็นประจำกันนะคะ ซึ่งการกินผักผลไม้สดๆ ระบบการย่อยของคนเกิดตั้งแต่ทานเข้าในปากจนออกมาทางทวารหนักโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 16-28 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับระบบเผาผลาญของร่างกายแต่ละคนและอาหาร โดยระบบย่อยมีสองแบบ คือ การย่อยเชิงกล ที่เป็นการบดเคี้ยวด้วยฟัน และอย่างที่สองเป็นการย่อยเชิงเคมีที่อาศัยเอนไซม์หรือน้ำย่อย ที่ทำให้เปลี่ยนอาหารที่เรากินเข้าไปให้มีขนาดเล็กๆที่เรียกว่าโมเลกุล เพื่อซึมไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย การกินแบบสดๆจึงใช้เวลานานนานกว่าจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย การดื่มน้ำปั่นรวมกาก นั้นจะได้ปริมาณเส้นใยอาหารขึ้นอยู่กับชนิดของผักผลไม้ แต่หากการดื่มแบบปั่นรวมกากส่วนมากจะผสมน้ำเชื่อม น้ำแข็ง และผักผลไม้ลงเพียงนิดหน่อย ซึ่งอาจทำให้ปิมาณการปริโภคต่อวันของผักผลไม้ไม่เพียงพอ และหากกินผสมน้ำเชื่อมอาจเป็นการสะสมปริมาณน้ำตาลมากกว่าประโยชน์ที่จะได้รับ ที่สำคัญต้องปั่่นให้ผักผลไม้รวมกันในปริมาณ 400 กรัมต่อวัน แต่ในความเป็นจริงของคนส่วนใหญ่ หากดื่มกากปริมาณมากจะอิ่มเร็วและไม่ชอบกลิ่นของผักที่ปั่นเข้าไป กลายเป็นเลิกกินผักผลไม้ไปเลยก็ได้ และการปั่นด้วยความเร็วสูงทำให้เกิดควาร้อน โอกาสในการเกิดออกซิเดชั่นกับอากาศมีมากขึ้น ทำให้ เอนไซม์ แร่ธาตุ สารอาหารที่มีประโยชน์ลดลง และสุดท้ายการดื่มแบบแยกกาก ที่เป็นนิยมของคนในปัจจุบันมาขึ้น เนื่องจากความสะดวกในการปริโภคผักผลไม้ต่อวันที่ต้องถึง 400 กรัมต่อวัน เพื่อให้ได้รับปริมาณสารอาหารที่ร่างกายจำเป็นต่อวันได้ง่ายๆ…
Details